วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อย่าตกใจ โลกไม่แตกเพราะภัยธรรมชาติในขณะนี้หรอก

ดร.โสภณ พรโชคชัย

   ช่วงนี้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นมากทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ วาตภัย อุทกภัย  แม้แต่หิมะตกที่เมืองตากอากาศซาปาของเวียดนาม บางคนก็หลงเข้าใจผิดว่าตกเป็นครั้งแรกหรือตกหนักที่สุด  บางคนเข้าใจว่านี่คือสัญญาณเตือนว่าโลกใกล้แตก  มีการโหมกระแสกลัวโลกแตกกันใหญ่  จนบางคนอาจตกเป็นเหยื่อของพวกอวิชชา หรือนักลัทธิอุบาทว์ซึ่งอาจทำลายชีวิตผู้คนไปมากกว่าภัยธรรมชาติก็เป็นได้
   ภัยพิบัติข้างต้นได้คร่าชีวิตผู้เป็นที่รัก และก่อให้เกิดการสูญเสียมากมายก็จริง  แต่ยังไม่อาจเทียบกับภัยธรรมชาติในอดีตที่หากเกิดขึ้นในวันนี้  บางคนอาจถึงขั้นช็อคตาย หรือฆ่าตัวตายไปเลย  ยกตัวอย่างเช่นภูเขาไฟกรากะตัว ซึ่งระเบิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2426 หรือ 128 ปีก่อนหน้านี้ในสมัยรัชกาลที่ 5  พื้นที่สองในสามของเกาะหายไปจากแรงระเบิด  เถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร (ปกติเครื่องบิน ๆ สูงราว 10 กิโลเมตร)  ในรัศมี 240 กิโลเมตร ปกคลุมจนมองไม่เห็นแสงอาทิตย์จนคล้ายยามค่ำคืนเป็นเวลาถึง 3 เดือน
   แรงสั่นสะเทือนสามารถตรวจจับได้ถึงอังกฤษ  เสียงระเบิดดังกึกก้องมากจนคนในกรุงจาการ์ตาที่อยู่ห่างไป 150 กิโลเมตรยังต้องเอามืออุดหู  คนในกรุงเทพมหานครยังนึกว่าเป็นเสียงปืนใหญ่  แม้แต่คนบนเกาะโรดริเกซในหมู่เกาะมอริเชียส ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปถึง 4,776 กิโลเมตรก็ได้ยินเช่นกัน  ที่สำคัญการระเบิดยังทำให้เกิดคลื่นสึนามิสูง 30 เมตร  ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 36,000 คน  หากเป็นในสมัยปัจจุบันที่มีประชากรหนาแน่น คงสูญเสียชีวิตนับสิบ ๆ ล้านคน
   อย่างไรก็ตามยังมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านี้ จนกรากะตัวกลายเป็นเรื่องเล็ก  นั่นก็คือการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่าซึ่งตั้งอยู่บนเกาะซุมบาวาใกล้เกาะบาหลี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2358  หรือเมื่อ 196 ปีที่แล้วในสมัยรัชกาลที่ 2  ความรุนแรงนั้นเท่ากับการระเบิดของปรมาณู 60,000 ลูก  หลังระเบิดเหลือสภาพเป็นหลุมกว้าง 6 กิโลเมตร ลึก 1 กิโลเมตรในปัจจุบัน  เกิดฝุ่นละอองมากกว่าการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวถึง 7 เท่า  ว่ากันว่าต้นไม้ล้มระเนระนาดคล้ายกับโลกทั้งโลกจะพังทลายลงในพริบตา
   พื้นผิวโลกได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์น้อยลงถึง 20 เปอร์เซ็นต์เพราะ ชั้นบรรยากาศของโลกเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจนอุณหภูมิของโลกลดลงอย่างมาก  นักวิทยาศาสตร์เคยพบว่าน้ำแข็งชั้นล่างบนเกาะกรีนแลนด์ในซีกโลกเหนือยังมีฝุ่นละอองจากภูเขาไฟนี้อยู่มากมาย  ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือไม่มีเวลากลางวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพราะถูกฝุ่นละอองภูเขาไฟบดบังแสงอาทิตย์ไว้ และทำให้ไม่มีฤดูร้อนในปีนั้น
   ในห้วงนั้นยังมีเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดรุนแรงเป็นชุด ๆ ทั่วโลก เช่น ภูเขาไฟลาซูฟรีในหมู่เกาะแคริเบียน และภูเขาไฟอะวูเหนือเกาะสุลาเวสี ในปี 2355  ภูเขาไฟสุวาโนเซจิมา ใกล้หมู่เกาะโอกินาวา ในปี 2356 และภูเขาไฟมายอนในฟิลิปปินส์ ในปี 2357  ลองคิดดูว่าถ้าเกิดในวันนี้ ผู้คนคงสิ้นหวัง ฆ่าตัวตายไปมากมายนัก  ยิ่งถ้ามีสื่อมวลชนเล่นข่าวเอามัน ก็คงยิ่งไปกันใหญ่
   ในโลกนี้ยังมีการระเบิดของสุดยอดภูเขาไฟ (Super Volcano) เช่นที่อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตนในสหรัฐอเมริกา  แต่ครั้งล่าสุดเกิดขี้นที่ภูเขาไฟโทบา ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราใกล้กับประเทศไทย เมื่อประมาณ 75,000 ปีที่ผ่านมา  โดยลาวาพุ่งไปไกลกว่า 3,000 กิโลเมตรถึงภาคใต้ของอินเดีย  อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกลดต่ำลงกว่า 5 องศา  เหตุการณ์นี้ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง  หลังจากการปล่อยเถ้าถ่าน 2,800 ลูกบาศก์กิโลเมตร พื้นที่ของภูเขาไฟโทบาได้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่และสวยงามมากที่สุดในเอเชียอาคเนย์  แต่การระเบิดระดับสุดยอดภูเขาไฟนี้ก็ไม่ได้ทำให้มนุษยชาติถึงขนาดสูญพันธุ์ แม้มีความเสี่ยงอยู่
   ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ยังไม่ใช่สัญญาณล้างโลกหรือจะทำให้โลกแตกอย่างที่เล่าลือเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต  คนเราจึงไม่พึงหวาดกลัวจนเกินไป  แต่พึงมีสติ  คาดว่าเหตุการณ์มหาประลัยจริง ๆ คงไม่เกิดในชั่วชีวิตนี้  แต่ถึงแม้เกิดเหตุร้าย จนต้องสิ้นชีวิต เราก็ไม่พึงเสียเวลากลัว เพราะไม่มีใครหนีพ้นความตายดังกล่าว
   ความตายเป็นเรื่องธรรมดา สำคัญที่ว่าจะตายอย่างขนนก (เบาหวิวไร้ความหมายเพราะไม่เคยสร้างสรรค์อะไร แถมบางคนยังอาจทำลาย เอาดีใส่ตัว) หรือจะตายหนักแน่นดุจภูเขาเพราะตายมีเกียรติเพื่อประชาชนและประเทศชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น